ผู้จัดทำ
นาย ธนดล เเก้วใหญ่ เลขที่ 4 ชั้น ม.4/2
นาย พนธกร ไชยวงศ์ เลขที่ 19 ชั้น ม.4/2
นาย กิตติ์พิภัทร์ สมประสงค์ เลขที่ 8 ชั้น ม.4/2
ประเทศมาเลเซีย
มาเลเซีย
Malaysia; مليسيا (มาเลย์)
| ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||
คำขวัญ: Bersekutu Bertambah Mutu ("ความเป็นเอกภาพคือพลัง") | ||||||
เพลงชาติ: เนการากู | ||||||
| ||||||
เมืองหลวง (และเมืองใหญ่สุด) | กัวลาลัมเปอร์1 2°30′N 112°30′E / 2.5°N 112.5°E | |||||
ภาษาทางการ | ภาษามาเลย์ | |||||
การปกครอง | สหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ | |||||
- | ผู้ปกครองสูงสุด | สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ชาห์ | ||||
- | นายกรัฐมนตรี | นาจิบ ราซะก์ | ||||
เอกราช | ||||||
- | จาก อังกฤษ(เฉพาะมลายา) | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 | ||||
- | การสร้างชาติรวม ซาบาห์ ซาราวักและสิงคโปร์ | 16 กันยายน พ.ศ. 2506 | ||||
พื้นที่ | ||||||
- | รวม | 329,847 ตร.กม. (66) 127,287 ตร.ไมล์ | ||||
- | แหล่งน้ำ (%) | 0.3 | ||||
ประชากร | ||||||
- | 2549 (ประเมิน) | 26,920,000 (44) | ||||
- | 2543 (สำมะโน) | 23,953,136 | ||||
- | ความหนาแน่น | 82 คน/ตร.กม. (109) 211 คน/ตร.ไมล์ | ||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2549 (ประมาณ) | |||||
- | รวม | 180.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ธนาคารโลก) (36) | ||||
- | ต่อหัว | 12,700 ดอลลาร์สหรัฐ (61) | ||||
ดพม. (2550) | 0.829 (สูง) (66) | |||||
สกุลเงิน | ริงกิต (RM) (MYR ) | |||||
เขตเวลา | MST (UTC+8) | |||||
- | (DST) | Not observed (UTC+8) | ||||
ระบบจราจร | ซ้ายมือ | |||||
โดเมนบนสุด | .my | |||||
รหัสโทรศัพท์ | 602 | |||||
1. ปุตราจายาเป็นที่ตั้งรัฐบาล 2. 020 เมื่อโทรฯ จาก สิงคโปร์ |
มาเลเซีย (มาเลย์: Malaysia) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วนโดยมีทะเลจีนใต้กั้น ส่วนแรกคือ มาเลเซียตะวันตก อยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรมลายูและคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดประเทศไทยทางรัฐกลันตัน เประ ปะลิส และเกดะห์ และติดกับสิงคโปร์ทางรัฐยะโฮร์ ส่วนที่ 2 คือ มาเลเซียตะวันออก อยู่ทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว มีพรมแดนทิศใต้ติดอินโดนีเซียทุกส่วนของมาเลเซียตะวันตก แต่ล้อมรอบประเทศบรูไนดารุสซาลามด้วยรัฐซาราวักเพียงรัฐเดียว มาเลเซียเป็นสมาชิกก่อตั้งของกลุ่มประเทศอาเซียน
[แก้]ลักษณะภูมิประเทศภูมิศาสตร์
[แก้]
- มาเลเซียตะวันตก มีภูเขาทอดยาวทางตอนกลางเกือบตลอด เป็นอุปสรรคต่อการคมนาคม ทำให้มีที่ราบ 2 ด้าน ที่ราบด้านตะวันตกกว้างกว่า เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ เขตปลูกยางพารา และขุดแร่ดีบุก
- มาเลเซียตะวันออก ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ที่ราบสูงอยู่ทางตอนใน มีที่ราบย่อม ๆ อยู่ตามชายฝั่งทะเล
[แก้]ลักษณะภูมิอากาศ
- ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร มีอากาศร้อนชื้นแถบศูนย์สูตร อยู่ในอิทธิพลของลมมรสุม
[แก้]ชื่อ
ชื่อของประเทศมาเลเซียถูกตั้งขึ้นเมือ พ.ศ. 2506 โดยมีความหมายรวมเอาสหพันธรัฐมาลายาสิงค์โปร์ ซาบาห์ ซาราวัก และบรูไนเข้าด้วยกัน คำว่า มาเลเซียนี้เดิมเคยถูกใช้เป็นชื่อเรียกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในส่วนที่เป็นหมู่เกาะมาก่อน ซึ่งปรากฏหลังฐานจากแผนที่ที่ตีพิมพ์ในชิคาโกเมื่อปีพ.ศ. 2457 ในการตั้งชื่อประเทศมาเลเซียนั้นมีการนำเสนอชื่ออื่นๆ มากมายก่อนที่จะได้ผลสรุปให้ใช้ชื่อมาเลเซีย
[แก้]ประวัติศาสตร์
ปรากฏความสัมพันธ์อย่างแน่นเฟ้นระหว่างหลายชนเผ่าพันธุ์และหลายวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากชาวมาเลย์และ กลุ่มชนพื้นเมืองแล้ว ยังมีผู้อพยพมาจากจีน อินเดีย อินโดนีเซียและส่วนอื่นของโลก ซึ่งรวมเข้าเป็นพลเมืองของมาเลเซีย ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่าง น่า สนใจ อาจเนื่องมาจากการติดต่อสัมพันธ์นานปี กับภายนอกและการปกครองโดย ชาวโปรตุเกส ดัทช์ และ อังกฤษ ผลที่เกิดตามมาคือการวิวัฒน์ของประเทศจนเปลี่ยนรูปของวัฒนธรรมดังจะได้เห็น การผสมผสานได้อย่างวิเศษของ ศาสนา กิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีการแต่งกาย ภาษาและอาหาร ประเทศมาเลเซียได้รับเอกราชคืนจากอังกฤษมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี ค.ศ.1957เป็นสหพันธ์มาเลเซีย ต่อมาเมื่อรวมรัฐซาบาห์ และ รัฐซาราวัดเข้าด้วยแล้ว ประเทศมาเลเซียจึงได้ถือกำเนิดขึ้น
การเมือง
ในปัจจุบันประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐและปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีรูปแบบในการปกครองคล้ายอังกฤษกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมุขแห่งรัฐมีตำแหน่งเป็นพระราชาธิบดี.
[แก้]การแบ่งเขตการปกครอง
มาเลเซียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 รัฐ (states - negeri-negeri) และ 3 ดินแดนสหพันธ์* (federal territories - wilayah-wilayah persekutuan) เป็นดินแดนที่รัฐบาลกลางปกครอง เขตการปกครองต่าง ๆ และชื่อเมืองหลวง (ในวงเล็บ) ได้แก่
รัฐ
มาเลเซียตะวันออก (เกาะบอร์เนียวตอนเหนือ)
[แก้]ดินแดนสหพันธ์
มาเลเซียตะวันตก
มาเลเซียตะวันออก
[แก้]เมืองใหญ่สุด
ที่ | เมือง | รัฐ | ประชากร | ที่ | เมือง | รัฐ | ประชากร | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
กัวลาลัมเปอร์ | 1 | กัวลาลัมเปอร์ | กัวลาลัมเปอร์ | 1,674,621 | 11 | มะละกา | รัฐมะละกา | 503,127 | กะจัง |
2 | ยะโฮร์ | รัฐยะโฮร์ | 1,386,569 | 12 | โกตะบาห์รู | รัฐกลันตัน | 491,237 | ||
3 | กะจัง | รัฐสลังงอร์ | 795,522 | 13 | โกตะคินาบาลู | รัฐซาบาห์ | 462,963 | ||
4 | อีโปห์ | รัฐเประ | 767,794 | 14 | กวนตัน | รัฐปะหัง | 461,906 | ||
5 | กลัง | รัฐสลังงอร์ | 744,062 | 15 | ซังไกเปตานิ | รัฐเกดะห์ | 456,605 | ||
6 | สุบังจายา | รัฐสลังงอร์ | 708,296 | 16 | บาตูปาฮัต | รัฐยะโฮร์ | 417,458 | ||
7 | กูชิง | รัฐซาราวัก | 617,887 | 17 | ตาวาอู | รัฐซาบาห์ | 412,375 | ||
8 | เปตัลลิงจายา | รัฐสลังงอร์ | 613,977 | 18 | ซันดาคาน | รัฐซาบาห์ | 409,056 | ||
9 | เซเรมบัน | รัฐเนกรีเซมบีลัน | 555,935 | 19 | อะลอร์เซตาร์ | รัฐเกดะห์ | 366,787 | ||
10 | จอร์จทาวน์ | รัฐปีนัง | 520,202 | 20 | กัวลาตรังกานู | รัฐตรังกานู | 343,284 |
[แก้]
เศรษฐกิจ
- เกษตรกรรม ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก และข้าวเจ้าปลูกมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำทั้ง 2 ด้าน
- การทำเหมืองแร่ แร่ที่สำคัญ ได้แก่ แร่ดีบุกส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลกแร่เหล็ก น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ
- การทำป่าไม้ ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง ส่งไม้ออกเป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย
- อุตสาหกรรม ได้ชื่อว่าเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชีย (NICs)
[แก้]ประชากร
ประเทศมาเลเซียมีปัญหาประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ในอดีตเคยเกิดสงครามกลางเมืองเนื่องจากการกีดกันทางเชื้อชาติ ประเทศมาเลเซียประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูร้อยละ 50.4 เป็นชาวภูมิบุตร (Bumiputra) คือบุตรแห่งแผ่นดิน รวมไปถึงชนดั้งเดิมของประเทศอีกส่วนหนึ่ง ได้แก่กลุ่มชนเผ่าในรัฐซาราวัก และรัฐซาบาห์มีอยู่ร้อยละ 11[1] ซึ่งตามรัฐธรรมนูญของมาเลเซียนั้น ชาวมลายูนั้นคือมุสลิม และอยู่ในกรอบวัฒนธรรมมลายู แต่ชาวภูมิบุตรที่ไม่ใช่ชาวมลายูนั้น มีจำนวนกว่าครึ่งของประชากรในรัฐซาราวัก (ได้แก่ชาวอิบัน ร้อยละ 30) และร้อยละ 60 ของประชากรรัฐซาบาห์ (ได้แก่ชาวกาดาซัน-ดูซุนร้อยละ 18 และชาวบาเจา ร้อยละ 17) [1] นอกจากนี้ยังมีชนพื้นเมืองดั้งเดิมของคาบสมุทรมลายูอีกกลุ่มหนึ่ง คือ โอรัง อัสลี
ประชากรกลุ่มใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวภูมิบุตรหรือชนดั้งเดิมเป็นพวกที่เข้ามาใหม่ โดยเป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน มีอยู่ร้อยละ 23.7 ซึ่งมีประจายอยู่ทั่วประเทศ มีชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย อีกร้อยละ 7.1 ของประชากร[1] ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวทมิฬ แต่ยังมีชาวอินเดียกลุ่มอื่น อย่างเกรละ, ปัญจาบ, คุชรัต และปาร์ซี นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย โดยอาศัยอยู่ในรัฐทางตอนเหนือของประเทศ มีคนเชื้อสายชวา และมินังกะเบาในรัฐทางตอนใต้ของคาบสมุทรอย่าง
ชุมชนลูกครึ่งคริสตัง (โปรตุเกส-มลายู) ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และชุมชนลูกครึ่งอื่นๆอย่าง ฮอลันดา และอังกฤษส่วนมากอาศัยในรัฐมะละกา ส่วนลูกครึ่งเปอรานากัน หรือชาวจีนช่องแคบ (จีน-มลายู) ส่วนมากอาศัยอยู่ในรัฐมะละกา และมีชุมชนอยู่ในรัฐปีนัง
[แก้]วัฒนธรรม
มีสภาพคล้ายคลึงกับประเทศอินโดนีเซีย ชึ่งเป็นหมู่เกาะอิทธิพลของศาสนาอิสลามได้แพร่เข้ามาในแหลมมลายู ประชากรนับถือศาสนาอิสลาม 55% นับถือศาสนาพุทธ 25% นับถือศาสนาคริสต์ 13% นับถือศาสนาฮินดู 7% และลัทธิศาสนาพื้นเมือง 4% แต่การหันไปนับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่อิสลามเป็นปัญหาอย่างมากเนื่องจากทางภาครัฐจะไม่เปลี่ยนข้อมูลทางราชการให้ มาเลเซียบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะมีสิทธิพิเศษ คือ ได้รับเงินอุดหนุนทางด้านการศึกษา สาธารณะสุข การคลอดบุตร งานแต่งงานและงานศพตามนโยบาย "ภูมิบุตร.
กองทัพมาเลเซีย
กองทัพมาเลเซีย Angkatan Tentera Malaysia | |
---|---|
ธงและตราประจำกองทัพมาเลเซีย | |
ก่อตั้ง | 16 กันยายน พ.ศ. 2506 |
เหล่าทัพ | กองทัพบกมาเลเซีย กองทัพเรือมาเลเซีย กองทัพอากาศมาเลเซีย |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผู้บัญชาการสูงสุด | ยังดี เปอร์ตวน อากง |
รัฐมนตรีกลาโหม | ดร. อาฮ์หมัด ซาอิด ฮามิดี |
ผู้บัญชาการกองทัพ | พลเอก Tan Sri Dato' Sri Zulkefli Mohd. Zin |
การเงิน | |
งบประมาณทางทหาร | 3.5 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ |
ร้อยละต่อจีดีพี | 1.9% (2011) |
อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ | |
แหล่งผลิตในประเทศ | Airod SME Ordnance Malaysian Marine and Heavy Engineering Malaysian International Shipping Corporation Boustead Naval Shipyard Sdn Bhd |
กองทัพมาเลเซีย (อังกฤษ: Malaysian Armed Forces) เป็นกองทัพของสหพันธรัฐมาเลเซีย สังกัดกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ประกอบด้วยสามเหล่าทัพคือ กองทัพบก, กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ
[แก้]ประวัติ
กองทัพของมาเลเซียเกิดขึ้นจากการก่อตัวของกองกำลังท้องถิ่น ในครึ่งแรกของคริสตศตวรรษที่ 20 ระหว่างที่สหพันธรัฐมาลายาและสิงคโปร์ยังเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษก่อนที่ต่อมาได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2500 โดยมีบทบาทคือการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติรวมถึงภัยคุกคามต่างๆ
[แก้]ช่วงการปลดแอก
ในช่วงของการปลดแอกในปี พ.ศ. 2500 กองทัพมาลายาและกองกำลังของเครือจักรภพแห่งชาติได้ถูกว่าจ้างเป็นการฉุกเฉิน จากการก่อความไม่สงบของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำโดย ชิน เผง หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา กลุ่มของคอมมิวนิสต์ในมลายาขณะนั้นได้รับการสนุบสนุนจากจีน จากการเป็นปลดแอกของมาลายาทำให้พื้นที่ในการก่อความไม่สงบลดลง จนกระทั้งปี พ.ศ. 2503 ชิน เผง จึงได้สั่งยุติการสู้รบ
3 ปีภายหลังวิกฤติการณ์มาลายา มาลายา, สิงคโปร์, ซาราวัก และ บอร์เนียวเหนือ ได้ถูกรวมกันเป็น "สหพันธรัฐมาเลเซีย" ซึ่งถูกต่อต้านทางการทหารอย่างยิ่งจากนายซูการ์โนประธานาธิบดีอินโดนีเซียในขณะนั้น การเผชิญหน้าได้เกิดขึ้นในป่าของเกาะบอร์เนียว แต่ก็ยังถือเป็นความขัดแย้งระดับต่ำ ต่อมากองทัพมาเลเซียได้รับความช่วยเหลืออีกครั้งจากเครือจักรภพแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2509 ซึ่งซูการ์โนถูกโค่นล้มและความขัดแย้งถือเป็นที่สิ้นสุด